ธุรกิจ

เครดิตบูโรแจง 6 ประเด็น พรรคการเมืองชงนโยบาย “ยกเลิกแบล็กลิสต์​”

ธุรกิจ

จากกรณีที่มีข่าวพรรคการเมืองเตรียมชูนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ปล่อยกู้ด้วยเครดิตสกอร์ริ่งมาแทนในระบบสินเชื่อเพื่อแก้ปัญหาหนี้ และรื้อระบบสินเชื่อทั่วประเทศนั้น (อ่านได้ที่ ‘กรณ์’ เสนอยกเลิกแบล็กลิสต์ เชื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องเลิกเงื่อนไขไม่เป็นธรรม) นายสุรพล​ โ​อภาสเสถียร​ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ได้ให้ความเห็นต่อนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์​ ผ่านเฟซบุ๊ค บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เรื่อง “ข้อเท็จจริงของผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ต่อนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์​“ โดยได้อธิบายและชี้แจงทั้งหมด 6 ประเด็น สรุปใจความ ดังนี้

1.ไม่มีส่วนใดในรายงานเครดิตบูโร​ที่จะระบุว่า​ บุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระหนี้รายนั้น​ เป็นคนที่ไม่สมควรจะคบค้าสมาคม ไม่สมควรจะทำธุรกิจด้วย​ หรือไม่สมควรที่จะได้สินเชื่อใหม่ที่กำลังยื่นขออยู่

2.รายงานเครดิตบูโรได้มาจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกโดยสมัครใจกับเครดิตบูโร ซึ่งก็มีหลายธนาคารต่างประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ดังนั้นใครเป็นลูกหนี้สถาบันการเงินเหล่านั้น ข้อมูลประวัติการชำระหนี้สินเชื่อก็จะไม่มาที่ระบบเครดิตบูโร

3.ประวัติที่ถูกส่งมายังระบบเครดิตบูโร​คือประวัติการชำระหนี้​ตามที่ลูกค้ามีบัญชีอยู่​ ถ้าจ่ายได้ตามกำหนด​ ตามสัญญา​ ข้อมูล​จะบอกว่า​ ไม่ค้างชำระ​ แต่ถ้าไม่ได้ไปจ่ายด้วยเหตุผลใดก็ตาม​ รายงานก็จะระบุว่าค้างชำระ​ ตามความจริง เพราะถ้าคนส่งข้อมูล​ไม่ดูแลความถูกต้อง​ ก็จะมีความผิดในการส่งข้อมูลและมีโทษในทางอาญา​ ดังนั้น​ ซีอีโอของสถาบันการเงิน​สมาชิกเครดิตบูโร​จะเข้มงวดเรื่องนี้มาก

4.แน่นอนว่าระบบการให้สินเชื่อเรายังไม่ตอบโจทย์​ ยังมีคนตัวเล็ก​ SME​ ขนาดจิ๋ว​ ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อ​ หรือถ้าเข้าได้ก็โดนดอกเบี้ยแพง​ รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหลังโควิดที่มีแผลเป็นจากการชำระหนี้ เพราะมีหนี้เสียค้างเกินสามงวด​ เกิน​ 90 วัน​ เวลานี้เศรษฐกิจ​กลับมาแล้ว​ แต่แผลเป็นคือเป็นหนี้เสีย​ เข้าไม่ถึงเพราะกติกาบอกว่าต้องปรับโครงสร้าง​หนี้​ก่อนถึงจะใส่เงินใหม่​ หนี้ใหม่เข้าไปได้​

5.การจะได้เงินใหม่​ หนี้ใหม่​ ก็ต้องมีข้อมูล​ว่ามีรายได้แล้วแน่นอน ไม่ติดค้างชำระหนี้ มีรายละเอียดที่เรียกว่า “ข้อมูล​ทางเลือก” (Alternative​ data) เช่น ไม่ค้างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือแม้แต่เป็นลูกจ้าง​ Platform ส่งของ​ ส่งสินค้า​ หรือมีข้อมูล​จากผู้ซื้อที่เป็นกิจการของเอกชนขนาดใหญ่ว่าธุรกิจเราเป็นซัพพลายเออร์ของธุรกิจขนาดใหญ่ มียอดขายรายเดือนเท่านั้นเท่านี้​ สิ่งเหล่านี้จะมีส่วนไปช่วยขอกู้ได้มันก็จะไปช่วยสมานแผลเป็นจากประวัติชำระหนี้ค้าง​ เปรียบเหมือนเราต้องการฮีรูดอยล์เอาไปทาแผลเป็นให้ผิวเราดีและสวยใกล้เคียงเดิม​ แนวคิดนี้ในหลายประเทศทำ เช่น​ เครดิตบูโร​ของลาว​ ที่เอาข้อมูลค่าน้ำค่าไฟ​เข้าระบบ​ เครดิตบูโร​ กัมพูชา​เอาข้อมูล​เช็คเด้งเข้าระบบ​ บ้านเราข้อมูล​เหล่านั้นอยู่ในมือกิจการขนาดใหญ่​ Platform​ รัฐวิสาหกิจ​ ถ้าหน่วยงานเหล่านี้ส่งข้อมูลไปยังสถาบันการเงินตามคำขอของลูกค้า​ ในฐานะเจ้าของข้อมูล​ ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูล​ส่วนบุคคล​ ทำเป็นขั้นตอนทางดิจิทัล​ก็จะทัดเทียมประเทศ​อื่น ๆ เพราะข้อมูล​เพิ่มก็จะช่วยให้รู้จักลูกค้าเพิ่ม​ แต่ในทางกลับกัน​ ถ้าลูกค้าเหนียวหนี้​ ไม่ไปจ่ายหนี้สาธารณูปโภค​ ก็ไม่ได้สินเชื่อ​ “แล้วเราต้องมีนโยบายเลือกตั้งครั้งหน้าให้ลบประวัติการค้างชำระหนี้พวกนี้อีกไหม… อันนี้ขอถาม”นายสุรพลระบุ

6.ถ้าเราเอาข้อมูล​ทั้งระบบเก่าคือประวัติการชำระหนี้​ กับข้อมู​ลทางเลือกใหม่​ (อธิบายในข้อ 5) มาผสมกันแบบที่ธนาคาร​โลกสนับสนุน​ และบ้านเรามีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้หน่วยงานไปดำเนินการมากว่า​ 5-7 ปีที่แล้วในเรื่อง​ Ease of Doing business ถ้าเราทำให้จบเวลานั้น​ เราคงไม่มาพูดกันในเวลานี้​ ทั้งนี้ นายสุรพล ระบุว่า การกลับไปลบความจริงที่เกิดขึ้นในการชำระหนี้ขณะนี้ต้องพิจารณาตามความจริงของสถานการณ์กฎหมายที่มีในเวลานี้ว่ากฎหมายในปัจจุบันมีการตีความแล้วว่ายังไม่เปิดช่อง

แนะนำข่าวธุรกิจ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชวนลูกค้าสมัครใช้ ‘บิลอิเล็กทรอนิกส์’